Pages

Sunday, September 13, 2020

ตำนานบทใหม่ของ ปาร์คนายเลิศ “หนูเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ต่อยอดธุรกิจผุดโรงแรมเวิลด์คลาส - ไทยรัฐ

miniselebrity.blogspot.com

หลังเรียกเสียงฮือฮาสนั่นเมืองเมื่อหลายปีก่อน ด้วยการประกาศปิดตำนาน 33 ปี ของโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ จนเกิดเสียงเซ็งแซ่ว่า ตระกูลคหบดีเก่าแก่รวยอันดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง “สมบัติศิริ” จะโบกมือลาวงการโฮเต็ลไปอย่างถาวร แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ทายาทรุ่นที่ 4 ของนายเลิศกรุ๊ป “หนูเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” กลับมาปลุกตำนานความยิ่งใหญ่ของปาร์คนายเลิศอีกครั้ง ด้วยการประกาศทุ่มงบกว่า 6,000 ล้านบาท เปิดตัวโครงการหรูใจกลางเมือง “อมัน นายเลิศ กรุงเทพฯ” เพื่อให้เป็นโรงแรมและเรสซิเดนซ์ระดับเวิลด์คลาส ที่หนุนส่งให้มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของตระกูลนายเลิศเจิดจรัสขึ้นกว่าเดิม

ในฐานะหัวหอกสำคัญที่เข้ารับช่วงสานต่อธุรกิจครอบครัว และผู้พิทักษ์รักษามรดกหลายหมื่นล้านของตระกูลปาร์คนายเลิศ “หนูเล็ก-ณพาภรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นายเลิศ ปาร์ค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดโอกาสให้ “ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” สัมภาษณ์แบบเอกซ์คลูซีฟอีกครั้ง เพื่อบอกเล่าถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ในการต่อยอดธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

“หลายๆคนพูดว่าธุรกิจครอบครัวทำยาก มันเหนื่อยนะ แต่เล็กว่ามันอยู่ที่ความคิดคุณมากกว่า คุณเป็นครอบครัวก็จริง แต่ต้องบริหารอย่างโปรเฟสชั่นแนล อย่าใช้อารมณ์ส่วนตัวตัดสิน คนเป็นผู้นำในธุรกิจต้องกรองให้ดี และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดต่อองค์กร ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง เดิมเรามีที่ดินอยู่ 35 ไร่ ตัดขายให้กลุ่มดุสิตเวชการเพียง 15 ไร่ คืออาคารโรงแรมบางส่วน, อาคารออฟฟิศทาวเวอร์ และสิ่งปลูกสร้างรอบอาคาร แต่สมบัติสำคัญของตระกูลคือ บ้านปาร์คนายเลิศ และสวนขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 20 ไร่ ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2458 ยังคงเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวสมบัติศิริ ตามเจตนารมณ์คุณยาย (ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ)”...หนูเล็กเปิดใจถึงภารกิจในการสืบสานเกียรติภูมิของตระกูลนายเลิศ

หนูเล็กเติบโตมาแบบไหน อะไรทำให้ผูกพันกับโรงแรม

ชีวิตของเล็กเกิดและโตที่นี่ ตอนเด็กๆคิดว่าโรงแรมของเราคือบ้าน ที่มีห้องอยู่หลายห้องมาก ทำไมต้องจัดวันเกิดมีละครลิงที่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มเข้าใจว่านี่คือธุรกิจของที่บ้าน ไปเมืองนอกเรียนจบการบริหารโรงแรม เล็กก็กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าหน้าที่การงานจริงๆของเราคืออะไร เหมือนว่าเล็กมาทำงานที่โรงแรม แต่จริงๆแล้วไม่ได้ทำหรอก เพราะสมองยังไม่มา (หัวเราะ) คุณยายส่งไปฝึกงานแผนกแม่บ้าน แต่ไม่เวิร์กเพราะเป็นลูกเจ้าของ พวกพนักงานไม่กล้าใช้ คุณแม่เลยส่งไปฝึกงานที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ สิงคโปร์ 6 เดือน เขาใช้เราทุกอย่าง อันนี้ล่ะถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันโหดขนาดไหน งานโรงแรมไม่ใช่สวยงามเดินแฟชั่นโชว์ หลังกลับจากสิงคโปร์ก็ค่อยๆมาทำงานเต็มตัว ลงดีเทลทุกอย่าง ตั้งแต่เสิร์ฟอาหารในคอฟฟีช็อป ไปจนถึงจัดซื้อ คุณยายบอกเสมอว่าการที่เราจะเป็นเบอร์หนึ่งได้ คุณต้องรู้จักงานตั้งแต่ข้างล่างก่อน ก็เริ่มซึมซับและอิน จากตอนแรกที่ไม่ได้ชอบมาก คิดแค่ว่าเป็นลูกเจ้าของโรงแรม ชีวิตสวยหรูมีกาแฟกิน แต่ถามตอนนี้เล็กบอกเลยว่าถ้าไม่รักจริงๆอย่ามาทำธุรกิจโรงแรม วันนี้เล็กพูดได้เพราะรู้จริง การเป็นเบอร์หนึ่งที่ดีต้องรู้ให้จริง ต้องลงมาทำเอง ไม่ใช่ชี้นิ้วสั่ง หลังคุณยายเสียชีวิตเล็กก็เข้ามาทำงานโรงแรมเต็มตัว เป็นช่วงที่เที่ยวจนเบื่อแล้ว อิ่มตัวกับการเที่ยวเอง โดยที่ไม่มีใครสั่งเล็ก ตอนนั้นอายุ 28 แล้ว เที่ยวมา 10 ปี คนก็เดิมๆเหล้าก็เดิมๆ เล็กเป็นคนเอกซ์ตรีม ใช้ชีวิตเต็มที่เที่ยวเต็มที่ เมื่อทำงานก็ต้องเต็มที่

อะไรคือหัวใจสำคัญของการทำโรงแรมให้ประสบความสำเร็จ

คนสำคัญที่สุดค่ะ สมัยก่อนเรามีพนักงาน 370 คน พอปิดโรงแรมปุ๊บ เล็กก็เชิญพนักงานเก่าแก่ 100 คน มาอยู่กับเราต่อ เพราะยังมีธุรกิจร้านอาหารและแคเทอริ่งจัดเลี้ยงนอกสถานที่ เล็กให้ความสำคัญกับคุณภาพคนมาก จึงได้สร้าง “นายเลิศบัตเลอร์” ขึ้นมา โดยเทรนพนักงานให้มีความเป็นเลิศด้านบริการจริงๆ เล็กค่อนข้างจี้ทุกคน ถ้าสั่งอะไรไปจะตามเช็กตลอด สมัยก่อนคุณยายเดินเข้ามาทุกคนอาจกระเจิง แต่ยุคนี้เล็กพยายามคุยกับพนักงานใกล้ชิดขึ้น เพราะพวกเขาสัมผัสลูกค้าเยอะกว่าเรา

ธุรกิจโรงแรมอ่วมหนักกันทั่วเพราะพิษโควิด-19 ทำไมกล้าตัดสินใจสร้างโรงแรมในช่วงนี้

เล็กรักธุรกิจโรงแรม เพราะซึมซับมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เล็กไม่ได้แพลนจะทำโปรเจกต์นี้ระหว่างเกิดโควิด-19 แต่แพลนหลายปีแล้ว มันอยู่ในใจมาตลอดตั้งแต่ปิดโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ เมื่อ 4 ปีก่อน คุณยายเคยบอกเสมอว่าอยากให้พื้นที่ตรงนี้ครบครันทั้งเรื่องกินอยู่หลับนอน เล็กจึงคิดมาตลอดว่าจะพัฒนาที่ดินของคุณยายให้เกิดประโยชน์อย่างไร เล็กขอพื้นที่คุณแม่มา 3 ไร่ จากทั้งหมด 20 ไร่ เดิมทีตั้งใจจะทำโรงแรมของเราเอง ไม่เอาเชนบริหารแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่หลายคนเตือนเล็กว่าระวังอายุจะสั้น เพราะการสร้างเชนโรงแรมของตัวเอง ถ้าจะทำให้ดีต้องมีโรงแรมอย่างน้อย 10 แห่ง มันถึงจะเวิร์ก พอฟังอย่างนี้ก็เลยถอดใจ เมื่อความฝันล้มไป เล็กเริ่มหาเชนโรงแรมที่ถูกใจครอบครัวเรา ใช้เวลาตามหาอยู่ 3 ปี ถึงมาเจอโรงแรมและรีสอร์ตในเครือ AMAN ซึ่งคุณแม่ก็เห็นด้วย เพราะมีวิสัยทัศน์และดีเอ็นเอของแบรนด์คล้ายคลึงกับเรา ชอบความเป็นธรรมชาติ, คัลเจอรัล และเฮอริเทจเหมือนกัน

ภาพฝันใหม่ของเราคืออยากสร้างโรงแรมแบบไหน

เล็กไม่อยากสร้างตึกสูงห้องพักเยอะๆ และคงไม่ทำโรงแรมประเภท 200 ห้องอีกแล้ว อยากทำอะไรที่ยูนิค และมีความเป็นปาร์คนายเลิศที่สุด อยากเก็บตรงนี้เอาไว้เป็นมรดกของปาร์คนายเลิศต่อไป ซึ่งตรงกับเป้าหมายของแบรนด์อมัน ที่มุ่งหาโลเกชันดีที่สุดในโลกเสมอ เน้นความเอ็กซ์โซติกและผสมกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ถ้าไม่อยู่ตามเกาะส่วนตัว ก็ต้องเป็นโลเกชันเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัว ตอนที่ประธานเครืออมัน “มร.วลาดิสลาฟ โดโรนิน” บินมาเยี่ยมชมปาร์คนายเลิศ เขาประทับใจความเป็นโอเอซิสใจกลางเมืองของเรามาก เขายังให้เกียรติใช้ชื่อโครงการว่า “อมัน นายเลิศ กรุงเทพฯ” ด้วย

โครงการ “อมัน นายเลิศ กรุงเทพฯ” จะเรียกเสียงว้าวได้ขนาดไหน

โครงการของเราเป็นอาคารสูง 36 ชั้น ประกอบด้วย “อมัน นายเลิศ เรสซิเดนเซส กรุงเทพฯ” จำนวน 50 ยูนิต ตั้งแต่ชั้น 11-28 ส่วนชั้น 9-19 เป็นพื้นที่ “โรงแรมอมัน นายเลิศ กรุงเทพฯ” มีห้องสวีต 54 ห้อง ภายในโครงการยังมีห้องอาหารอิตาเลียนและญี่ปุ่น, ซิการ์คลับ และโฮลิสติก เวลเนส เซ็นเตอร์ จะเริ่มวางศิลาฤกษ์ในไตรมาสสี่ของปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 เล็กมั่นใจในความยูนิคที่ไม่เหมือนใคร เพราะนอกจากจะโอบล้อมไปด้วยสวนร่มรื่นที่มีอายุกว่า 100 ปี การออกแบบดีไซน์และรูปแบบสถาปัตยกรรมของโครงการยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก “มร.ฌอง-มิเชล แกธีย์” ได้ผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมของปาร์คนายเลิศ เข้ากับจิตวิญญาณตามแบบฉบับของอมัน โดยได้แรงบันดาลใจจากสวนของปาร์คนายเลิศ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่หายาก และความคลาสสิกเหนือกาลเวลาของพิพิธภัณฑ์บ้านปาร์คนายเลิศ ซึ่งสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง คนออกแบบเดินดูทุกมุมของปาร์คนายเลิศ เดินดมกลิ่นไม้ดูการเข้ามุมของไม้ มีการผสมผสานวัสดุหลายอย่างเข้าด้วยกัน และสอดแทรกความเป็นไทยในทุกอณู

ต้องบริหารธุรกิจครอบครัวที่มีตำนานเก่าแก่ขนาดนี้ เคยถอดใจยอมแพ้ไหม

เล็กไม่ได้เก่งที่สุด คนเราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ แต่ข้อหนึ่งที่ไม่เคยลืมคือ เราต้องไม่ปิดกั้นตัวเอง ต้องอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความคิดแบบนี้ทำให้เล็กโตขึ้น และมีความรับผิดชอบมากขึ้น หน้าที่ของเล็กคือต้องบริหารตรงนี้ให้เป็นธุรกิจที่มีกำไร ขณะเดียวกันก็ต้องมีความใส่ใจของเจ้าของลงไปด้วย ให้รู้สึกถึงความเป็นครอบครัว แล้วมันจะรีเฟล็กซ์ไปถึงพนักงาน เมื่อเจ้าของใส่ใจลูกค้า พนักงานก็จะเสิร์ฟแบบใส่ใจ เราได้รับคำชมจากลูกค้าเยอะว่า รู้สึกถึงบริการอบอุ่นของที่นี่ เล็กคิดว่าหลายๆอย่างอยู่ที่เบอร์หนึ่ง ถ้าเล็กไม่ใส่ใจ ทำไมพวกนี้ต้องใส่ใจ ฉะนั้นการที่มีเซอร์วิสที่ดีมันอยู่ที่ใจ ขณะเดียวกันก็ต้องตื่นตัวและปรับตัวให้ทันโลก ถ้าเราเฉาคนเดียว พนักงานที่เหลือก็จะเฉาตามเราไปด้วย ฉะนั้นเราห้ามเฉาเด็ดขาด เล็กไม่ชอบนั่งว่างๆมันเสียเวลา จะคอยครีเอตโน่นนี่ แล้วให้พนักงานได้มีส่วนร่วมไปกับเราด้วย

ถ้าไม่ได้เป็นนายหญิงของปาร์คนายเลิศ ฝันอยากสร้างอาณาจักรอะไรเป็นของตัวเอง

เล็กคิดว่าโลกนี้คือโลกของเล็กแล้ว ความฝันของเล็กคืออยากให้ชื่อปาร์คนายเลิศอยู่อย่างเป็นตำนานและมีความยั่งยืน ธุรกิจต้องต่อยอดไปได้เรื่อยๆ ไม่จบแค่ในรุ่นพวกเรา ปีนี้อายุ 40 แล้ว เล็กคิดว่าตรงนี้ไม่ใช่งาน แต่ปาร์คนายเลิศคือชีวิต เล็กตื่นมาก็อยากมาตรงนี้ ไม่ได้คิดว่ามาทำงาน เสาร์อาทิตย์บางทีไม่อยากจะมาที่นี่ จะไปเซ็นทรัลชิดลม แต่ขับรถเลี้ยวเข้ามาปาร์คนายเลิศเอง มันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ครอบครัวเราพ่อแม่ให้อิสระในการใช้ชีวิต ใครอยากเรียนอะไรทำอะไรไม่เคยบังคับ ทุกคนมีหุ้นเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่เล็กได้มากกว่าคนอื่นคือเงินเดือนและความภูมิใจ เล็กโชคดีมากที่ทุกอย่างถูกปูไว้หมดแล้ว หน้าที่ของเราคือเข้ามารักษาและต่อยอด ซึ่งการที่ธุรกิจจะอยู่รอดได้ นอกจากรักษาสิ่งเก่าๆ ที่ดีเอาไว้ ก็ต้องพัฒนาให้เติบโตไปข้างหน้าด้วย คุณยายพูดเสมอว่าฉันไม่มีอะไรจะให้นะนอกจากไม้กระดาน ซึ่งก็คือบ้าน, สวน และธรรมชาติ ความเป็นนายเลิศคือสิ่งที่พวกเราต้องรักษาไว้อย่างดีที่สุด.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)



"เล็ก" - Google News
September 13, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/33nCzav

ตำนานบทใหม่ของ ปาร์คนายเลิศ “หนูเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ต่อยอดธุรกิจผุดโรงแรมเวิลด์คลาส - ไทยรัฐ
"เล็ก" - Google News
https://ift.tt/3eDvcQu
Home To Blog

No comments:

Post a Comment